แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 38
1
จัดฟันบางนา: วิธีการดูแลรักษาฟันปลอมอย่างถูกวิธี

การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน เป็นเรื่องที่เราควรดูแลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอและปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันนั้น เราก็ไม่ควรมองข้ามเพราะจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมาได้ บางคนละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน จนทำให้เกิดการสูญเสียฟันและต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมและสำหรับคนที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมได้ ก็อาจจะใช้วิธีการสวมใส่ฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ซึ่งการสวมใส่ฟันปลอมนั้นได้รับความนิยมมากในอดีต เพราะการทดแทนฟันธรรมชาติ ด้วยการฝังรากฟันเทียมแต่ก่อนยังไม่เป็นที่นิยมเพราะยังมีข้อผิดพลาดในการรักษา ทำให้เกิดความเสี่ยงและยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างสูงหากเปรียบเทียบกับการสวมใส่ฟันปลอม จึงทำให้การสวมใส่ฟันปลอมจึงเป็นวิธีการทดแทนฟันที่ได้ผลมากกว่าการฝังรากฟันเทียมในสมัยก่อน


แต่ในปัจจุบัน วิธีการทดแทนฟันธรรมชาติ นิยมใช้วิธีการฝังรากฟันเทียม เนื่องจากมีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้น้อย มีความแม่นยำ และอย่างมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีกว่าการสวมใส่ฟันปลอม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการสวมใส่ฟันปลอมนั้นจะหายไป เพราะก็มีผู้เข้ารับการรักษาบางรายที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝั่งรากฟันเทียมได้ ทันตแพทย์ก็อาจจะแนะนำให้สวมใส่ฟันปลอมแทนการฝังรากฟันเทียม สำหรับวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการดูแลรักษาฟันปลอมอย่างถูกวิธี เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่ยังสวมใส่ฟันปลอมให้ดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้องและยังสามารถยืดอายุการใช้งานของมันปลอมให้ยาวนานอีกด้วย

สำหรับฟันปลอมถูกนำมาใช้เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ซึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาฟันผุหรือผู้เข้ารับการรักษาอาจเข้ารับการถอนฟันก่อนกำหนด โดยการใส่ฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันธรรมชาตินั้น จะช่วยทำให้เรารับประทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น และช่วยให้เราสามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ด้วย แต่ถ้าหากฟันปลอมของเราไม่สะอาด มีคราบต่างๆ ก็จะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นปากหรืออาจจะทำให้ฟันข้างเคียงมีปัญหาได้ สำหรับวิธีการทำความสะอาดฟันปลอม เราสามารถทำได้ด้วยวิธีที่ง่ายๆ และยังช่วยให้ฟันปลอมมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยการใช้แปรงสีฟันถู โดยใช้ร่วมกับน้ำสบู่และล้างออกด้วยน้ำสะอาด หลังจากการรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว


หากเป็นไปได้ก็ควรที่จะมีภาชนะรองรับขณะทำความสะอาดและไม่ควรแช่ฟันปลอมในน้ำร้อนเพราะอาจทำให้ฟันปลอมเกิดการเปลี่ยนรูปทรงหรือหดตัวได้ และอาจจะทำให้ฟันปลอมใส่ไม่พอดี อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการพูดคุย การออกเสียงได้ เพราะฉะนั้น ควรเก็บฟันปลอมไว้ในภาชนะสำหรับใช้ฟันโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น แก้วน้ำซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ฟันปลอมแห้งหรือบิดเบี้ยวได้ ผู้เข้ารับการรักษาที่สวมใส่ฟันปลอม ควรถอดฟันปลอมออกมาแช่น้ำก่อนนอนทุกครั้ง เพื่อให้เนื้อเยื่อในช่องปากได้มีการพักจากการกดทับของฟันปลอมและหากฟันปลอมหลวมไม่กระชับเหงือก เนื่องจากเหงือกมีการยุบตัวลงจากแรงบดเคี้ยวอาหารหรือใส่ฟันปลอมแล้วทำให้เกิดปัญหามีอาการเจ็บหรือระคายเคืองภายในช่องปาก ก็ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและทำการแก้ไขต่อไป

นอกจากนี้การแปรงฟัน ดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากอย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยทำให้ฟันปลอมมีความสะอาดสามารถพร้อมใช้งานแล้ว ยังทำให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงด้วย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาช่องปากอื่นๆตามมา แต่สำหรับผู้ที่สวมใส่ฟันปลอมบางส่วน สำหรับผู้ที่ยังมีฟันธรรมชาติเหลืออยู่นั้น ก็ควรหมั่นทำความสะอาดช่องปากด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอด้วยการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันควบคู่ไปด้วย เพื่อลดการสูญเสียฟันเพิ่มขึ้นและควรพบกับทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนอย่างเป็นประจำ แต่สำหรับฟันปลอมที่ได้ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานานอาจทำให้มีคราบสีน้ำตาลหรือคราบอาหารที่ล้างไม่ออก ยกตัวอย่างเช่น คราบบุหรี่บนฟันปลอม ก็สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการใช้เม็ดฟู่แช่ฟันปลอมเพื่อทำความสะอาด โดยสามารถหาซื้อเม็ดฟู่ได้ตามคลินิกทันตกรรมทั่วไปหรือตามร้านขายยา


สำหรับฟันปลอมแบบติดแน่น ก็ควรทำความสะอาดเหมือนที่เราทำความสะอาดช่องปากและฟันทั่วไป เพราะเนื่องจากว่าฟันปลอมประเภทนี้จะติดอยู่ในช่องปากของเรา ไม่สามารถถอดออกได้และต้องการได้รับการดูแลเอาใจใส่ทำความสะอาดที่มากกว่าเดิม เช่น หลังจากการรับประทานอาหารควรแปรงฟันทำความสะอาดและใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยเพื่อทำความสะอาดฟันปลอม ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อให้ทุกคนได้มีบุคลิกภาพที่ดีมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและมั่นใจมากยิ่งขึ้น

2
8 ที่เที่ยวไทย คนไปเที่ยวน้อย ใกล้กรุงเทพฯ

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่มีความเงียบสงบ ไม่แออัดไปด้วยผู้คน และสามารถไปเที่ยวได้แบบสบายๆ นี่คือ 8 ที่เที่ยวที่เราแนะนำค่ะ

อุทยานแห่งชาติพุเตย - สุพรรณบุรี: สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์และอากาศบริสุทธิ์ มีจุดชมวิวที่สวยงาม และมีลานกางเต็นท์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ

ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง - นครปฐม: ตลาดน้ำที่โดดเด่นด้วยทุ่งบัวแดงขนาดใหญ่ที่บานสะพรั่งในช่วงเช้า สามารถพายเรือชมความงามของบัวได้อย่างใกล้ชิด ให้บรรยากาศที่สดชื่นและผ่อนคลาย

หาดเจ้าสำราญ - เพชรบุรี: เป็นชายหาดที่ยังคงความเงียบสงบ มีร้านอาหารทะเลสดๆ และรีสอร์ทน่ารักๆ มากมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนริมทะเลที่ไม่วุ่นวาย

เกาะสีชัง - ชลบุรี: เกาะที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง มีหาดทรายที่สวยงาม และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

อ่างเก็บน้ำห้วยไม้ตาย - กาญจนบุรี: สถานที่ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ มีอ่างเก็บน้ำที่เงียบสงบและวิวภูเขาที่สวยงาม สามารถไปปั่นจักรยานหรือนั่งพักผ่อนชมวิวได้

บ้านหอมเทียน - ราชบุรี: สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นด้วยงานศิลปะเทียนหอม มีการตกแต่งที่สวยงาม มีร้านค้าเล็กๆ และคาเฟ่ให้ได้นั่งพักผ่อน

เขาอีโต้ - ปราจีนบุรี: เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มีเส้นทางปั่นจักรยานเสือภูเขาและเส้นทางเดินป่าที่ท้าทาย

ตลาดสามชุก ตลาดร้อยปี - สุพรรณบุรี: ตลาดเก่าแก่ที่มีบรรยากาศย้อนยุค สามารถเดินชมและลิ้มลองอาหารอร่อยๆ ได้แบบไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมาก

3
สร้างรายได้ จากเมนูแกงกะทิสายบัวปลาทูนึ่ง กะทิหอมหวานมันกลมกล่อมครบรส

อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่สดใส กลิ่นหอมของเครื่องเทศและส่วนผสมที่ผสมผสานกันอย่างมีเอกลักษณ์ อาหารจานหนึ่งที่น่ารับประทานคือแกงกะทิสายบัวกับปลาทูนึ่งหรือแกงกะทิสายบัวปลาทูนิ่ง แกงแบบดั้งเดิมนี้ผสมผสานความครีมมี่ของกะทิ ความกรุบกรอบสดชื่นของสายบัวและรสชาติที่อร่อยของปลาทูนึ่ง สร้างสรรค์เนื้อสัมผัสและรสชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

แกงกะทิสายบัวปลาทูนึ่งเป็นอาหารไทยยอดนิยมที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมหวานมันกะทิ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย ครบรส
วัตถุดิบ
ในการทำอาหารจานนี้ คุณจะต้องมี:
กะทิ 300 มล.
ก้านบัว 200 กรัม (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
ปลาทูนึ่ง 2 ตัว (แกะกระดูกออก)
พริกแกงแดง 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดฉีก 5-6 ใบ
พริกสดหั่นเป็นแว่น (ไม่จำเป็น สำหรับตกแต่ง)
ใบโหระพาไทยสำหรับความหอมสดชื่น

คำแนะนำในการปรุงอาหาร
1. เตรียมก้านบัว:
แช่ก้านบัวที่หั่นแล้วในน้ำเกลือประมาณ 10 นาทีเพื่อให้คงความกรอบไว้ สะเด็ดน้ำแล้วพักไว้

2. ทำฐานแกง:
ตั้งกระทะบนไฟปานกลางแล้วใส่กะทิลงไปเล็กน้อย คนจนน้ำมันเริ่มแยกตัวออกจากกะทิ ใส่พริกแกงแดงลงไป คนให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม

3. ใส่ส่วนผสมเครื่องปรุง:
เทกะทิที่เหลือลงไปแล้วต้มให้เดือดเบาๆ เติมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และใบมะกรูด คนจนเข้ากันดีและน้ำตาลละลาย

4. ต้มก้านบัว:
ใส่ก้านบัวลงไปแล้วเคี่ยวประมาณ 5-7 นาที จนก้านบัวสุกแต่ยังคงกรอบอยู่

5. ใส่ปลาแมคเคอเรลนึ่ง:
ใส่ปลาแมคเคอเรลนึ่งลงในแกงเบาๆ เคี่ยวต่ออีก 2-3 นาทีเพื่อให้รสชาติเข้ากัน

6. เสิร์ฟ:
ตกแต่งด้วยใบโหระพาและพริกสดเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและเผ็ดร้อน เสิร์ฟร้อนๆ กับข้าวหอมมะลินึ่ง

ความสุขในการรับประทานอาหาร
แกงกะทิก้านบัวกับปลาทูนึ่งเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของความสมดุลและความกลมกลืนที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย ความหวานละมุนของกะทิช่วยเสริมรสชาติของก้านบัวและรสชาติที่เข้มข้นของปลาทู มอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจและรสชาติที่อร่อยในทุกคำที่กัด

เมนูนี้นอกจากจะอร่อยแล้วยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย ลำต้นของดอกบัวอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ในขณะที่ปลาแมคเคอเรลมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็น


4
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง (Ankylosing spondylitis)

ข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง (ข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดยึดติด ก็เรียก) คือโรคที่ภาวะการอักเสบของข้อต่อกระดูกสันหลังแบบเรื้อรัง และค่อย ๆ รุนแรงขึ้นจนมีการเชื่อมต่อ (ยึดติด) กันของข้อต่อกระดูก พบได้ประปราย ซึ่งพบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบในคนหนุ่มสาว และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีความสัมพันธ์กับปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองต่อเนื้อเยื่อบริเวณข้อต่อกระดูกต่าง ๆ

สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ร่วมกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม


อาการ

ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดข้อ โดยเฉพาะปวดหลังหรือบั้นเอว เมื่ออายุประมาณ 20 ปี (ระหว่าง 10-30 ปี) เริ่มปวดเมื่อมีอายุมากกว่า 30 ปีพบได้น้อย

บริเวณที่ปวด เรียงลำดับตามที่พบมาก ได้แก่ บั้นเอว แก้มก้น ทรวงอก หัวเข่า ส้นเท้า หัวไหล่ และข้อมือ ในระยะแรกมักมีอาการปวดเป็นครั้งคราว และดีขึ้นจากการกินยาแก้ปวด ที่เด่นชัดคือ จะปวดหลังมากเวลานอนโดยเฉพาะในช่วงเช้า

บางครั้งจะปวดมากจนต้องตื่นนอน อาจมีอาการหลังแข็ง และดีขึ้นหลังจากได้เคลื่อนไหวร่างกายหรือออกกำลังกาย

บางรายอาจรู้สึกปวดเมื่อยง่ายหลังทำงานหรือเล่นกีฬา

บางรายอาจมีอาการปวดร้าวลงขาแบบรากประสาทถูกกด

ถ้าเป็นรุนแรงอาจมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไปพบแพทย์หลังมีอาการ 6 เดือนถึง 3 ปี อาการจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นในระยะ 10-20 ปี แล้วอาจทุเลาหรือหายไปได้เอง หรืออาจปวดเฉพาะที่บั้นเอวหรือข้อสะโพก แต่บางรายอาการอักเสบอาจลุกลามไปตามข้ออื่น ๆ หรืออวัยวะอื่น ๆ เช่น ม่านตา (iris) หัวใจ ทางเดินอาหาร ปอด เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

ข้อต่อสันหลังเชื่อมติดกันจนมีความพิการ คือ หลังโก่ง

ข้อสะโพกติดแข็งจนยืนและเดินไม่ได้

ข้อต่อกระดูกซี่โครงติดแข็ง ทำให้สมรรถภาพปอดลดลง อาจเกิดการติดเชื้อในปอด ปอดอักเสบได้

ข้อขากรรไกรแข็ง ทำให้กลืนลำบาก

ประสาทสันหลังส่วนล่างผิดปกติ เกิดอาการปวดขา ขาอ่อนแรง กลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ม่านตาอักเสบ ลิ้นหัวใจเอออร์ติกรั่ว (aortic insufficiency)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในระยะแรกเริ่ม อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

เมื่อเป็นมากขึ้น จะพบอาการกดหรือคลำถูกเจ็บตรงข้อที่ปวด หรือใช้กำปั้นทุบเบา ๆ ตรงกลางหลังจะเจ็บมากขึ้น

อาจตรวจพบว่า ผู้ป่วยก้มงอบั้นเอวลงด้านหน้าได้น้อยกว่าปกติ เรียกว่า การทดสอบแบบโชเบอร์ (Schober test)

การวัดรอบทรวงอกดูการขยายตัวเมื่อหายใจเข้าเต็มที่ จะพบว่าขยายขึ้นได้น้อยกว่าคนปกติ (ขยายได้ต่ำกว่า 5 ซม. ในชายหนุ่ม)

ในรายที่มีอาการรุนแรงและละเลยการรักษาที่ถูกต้องเป็นแรมปีจะมีลักษณะเฉพาะ คือ หลังแข็งทั้งท่อนและโก่ง (kyphosis) ตาไม่สามารถมองตรงไปข้างหน้า บางรายสะโพกแข็งแบบอยู่ในท่านั่ง ทำให้ยืนและเดินไม่ได้

บางรายอาจมีม่านตาอักเสบ คือ มีอาการปวดตาตาแดงร่วมด้วย เรียกว่า กลุ่มอาการไรเตอร์ (Reiter’s syndrome) หรืออาจมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ลิ้นหัวใจเอออร์ติกรั่ว (aortic insufficiency) ซึ่งใช้เครื่องฟังตรวจหัวใจได้ยินเสียงฟู่

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด ซึ่งจะพบค่าอีเอสอาร์ (ESR) และ C-reactive protein สูงกว่าปกติ

การตรวจเอกซเรย์ และการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะพบความผิดปกติของข้อต่อสันหลังและข้อต่อสะโพก (sacroiliac joint) ในระยะที่โรคเป็นมากแล้ว


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การบรรเทาอาการปวด อักเสบ และป้องกันความพิการ โดย

1. ให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน นาโพรเซน ถ้าไม่ได้ผลแพทย์จะให้ยากลุ่ม Disease-modifying antirheumatic drugs (DMARDs) เพิ่มเติม เช่น เมโทเทรกเซต (methotrexate), ซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine) เป็นต้น

2. กายภาพบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยคงรูปทรงในท่าตรงให้สามารถยืนและนั่งตรงได้ และรักษามุมการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง สะโพก คอ และทรวงอกไว้

3. การผ่าตัดสำหรับระยะท้ายของโรคที่มีการติดแข็งของข้อ เช่น การเปลี่ยนข้อสะโพก การดัดกระดูกเอวที่โก่งโค้งให้ตรง เป็นต้น

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสามารถช่วยตัวเองได้ ยกเว้นผู้ที่ละเลยการรักษา อาจพบมีความพิการได้ประมาณร้อยละ 10 หากข้อสันหลังและข้อสะโพกยังมีความยืดหยุ่นหลังมีอาการเกิน 10 ปี ก็มักจะปลอดจากความเสี่ยงที่ข้อจะติดแข็ง

ผลการรักษา โรคนี้มักเป็นเรื้อรัง ระยะและความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันไปตามสภาพของแต่ละคน ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม และรู้จักดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ก็อาจช่วยให้ผู้ป่วยคงสภาพการทำงานของร่างกายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดหลังหรือบั้นเอวเรื้อรัง มีลักษณะปวดมากเวลานอนโดยเฉพาะในช่วงเช้า หรือบางครั้งปวดมากจนต้องตื่นนอน หรือมีอาการหลังแข็ง และดีขึ้นหลังจากได้เคลื่อนไหวร่างกายหรือออกกำลังกาย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หมั่นฝึกทำกายภาพบำบัดด้วยตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ การบริหารเน้นการเหยียดตรงของหลังและคอ
    รักษาอิริยาบถการยืน เดิน นั่ง นอน ให้หลังอยู่ในท่าตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
    นอนบนที่นอนแข็ง (ไม่ควรใช้หมอนหนุนใต้เข่าเพื่อลดปวดเหมือนโรคปวดหลังทั่วไป) หลีกเลี่ยงการใช้หมอนสูงเพื่อป้องกันมิให้คอโก่งโค้ง
    เมื่อมีอาการปวด อาจใช้ความร้อนช่วย (เช่น อาบน้ำอุ่น ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ) และบีบนวด
    ผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการข้อติดแข็ง สามารถเล่นกีฬาได้ทุกประเภท ยกเว้นประเภทที่ต้องก้มหลัง เช่น ถีบจักรยาน โบว์ลิ่ง ตีกอล์ฟ เป็นต้น
    ฝึกการหายใจเข้าออกลึก ๆ วันละ 10-20 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหลังตื่นนอนตอนเช้า
    งดสูบบุหรี่ เพื่อป้องภาวะแทรกซ้อนของทางเดินหายใจ
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระดำ ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลามโดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

โรคนี้ในระยะแรกจะมีอาการปวดเหมือนโรคปวดกล้ามเนื้อหลัง หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน หรือรากประสาทถูกกด ข้อเสื่อม แต่ถ้าพบเป็นเรื้อรังในชายหนุ่ม ซึ่งมีอาการปวดตอนเช้าก่อนตื่นนอน และอาการทุเลาหลังบริหารร่างกาย ก็ควรนึกถึงโรคนี้

5
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


6
รถขนของไปต่างจังหวัด รถกระบะรับจ้างขนของสุราษฎร์ธานี ให้บริการเป็นกันเอง สอบถามได้

ขออัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับ รถกระบะรับจ้าง ของทีมงานขนส่ง ผู้นำด้านงานบริการ รถกระบะรับจ้างจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเขตจังหวัดโดยรอบเราให้บริการ ขนของย้ายบ้าน ขนย้ายหอพัก ขนย้ายคอนโด ขนย้ายสินค้าของผู้บริโภคทั่วไปของ รถกระบะรับจ้างจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ที่สามารถขนย้ายในปริมาณที่ไม่เยอะมาก เราให้บริการ รถกระบะรับจ้าง มีอยู่ 2 แบบด้วยกันนั่นก็คือ

รถกระบะรับจ้างแบบคอกสูง ลักษณะของรถจะเป็นโครงเหล็กกระบะสูง โดยหากทำการขนย้ายจะใช้ผ้าใบอย่างหนาคลุมเป็นอย่างดีเพื่อป้องกัน ฝนตก ฝุ่น หรืออื่นๆ ส่วนอีกแบบหนึ่งก็จะเป็น รถกระบะรับจ้าง แบบตู้ทึบ โดยจะเป็นตู้สแตนเลสทั้งใบมีความมิตรชิด สามารถใส่สินค้าในรูปของกล่องสินค้าที่สามารถจัดเรียงขึ้นรูปได้อย่างสบายหรืออาจจะเป็น งาน ขนย้ายบ้าน ขนย้ายหอ หรือขนย้ายสินค้า

โรงงาน เป็นต้น เราให้บริการรถกระบะรับจ้างขนของมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี จึงทำให้เรามีความชำนาญในการขนย้ายสินค้ามากพอสมควร จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เรามีความมั่นใจในการทำงานเป็นอย่างมาก เพราะว่างานทุกงานขนย้ายของเราไม่เคยมีอุบัติเหตุ หรือทำให้สินค้าขอลูกค้าเกิดการแตกชำรุดเสียหายเลย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการ อบรมพนักงานที่ดีมีมาตรฐานซึ่งเราจะเน้น

ย้ำกับพนักงานขับรถจนถึงการยกสินค้าจะต้องมีความระมัดระวังในการทำงานให้มากเป็นพิเศษ จึงทำให้ทุกวันนี้เราถือได้ว่าเป็นผู้นำด้านงานบริการ ขนย้ายของในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี นั่นเอง หากลูกค้าสนใจที่จะเรียกใช้บริการ รถรับจ้าง ขนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับทีมงานขนส่งของเราแล้วท่านก็สามารถโทรเข้ามาสอบถามตรวจเช็คราคา ค่าขนย้ายกับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรือจะ

รถกระบะขนของรับจ้างสุราษฎร์ธานี ของเราทุกคัน จะมีความใหม่และสะอาดมากเป็นพิเศษ ทุกการขนย้ายของลูกค้า โดยปกติแล้วเราจะทำความสะอาดรถก่อนและหลังจากขนย้ายของเสร็จ ในการขนย้ายสินค้าที่ประเภทใกล้เคียงกันเช่น การขนย้ายบ้านเราก็จะจัดงาน รับจ้างขนย้ายบ้าน ต่อๆกันเป็น

หลัก ขนย้าย สินค้าทางการเกษตรก็จะไปในโซนของสินค้าทางการเกษตรเป็นหลักจะไม่เอามาปะปนกัน ซึ่งจะทำให้รถมีความสะอาดและจัดการวางแผนได้ง่าย เพื่อให้ลูกค้ามีความสบายใจว่าใช้รถบริการกับเราแล้ว สินค้าไม่มีเปื้อน เลอะ จากรถขนส่งอย่างแน่นอน
จุดพื้นที่ให้บริการ รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรามีจุดพื้นที่บริการท่านอย่างมากมายหลายจุดประจำอำเภอ

ประจำตำบล ประจำหมู่บ้าน โดยที่จะเน้นในเรื่องของความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าไม่ต้องขับรถออกมาจ้างรถที่อื่นที่ไกลๆ เราเตรียมความพร้อมมาให้คุณแล้ว ซึ่งมีจุดพื้นที่ให้บริการต่างๆดังนี้

    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอเกาะพงัน
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอเกาะสมุย
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอกาญจนดิษฐ์
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอเคียนซา
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอคีรีรัฐนิคม
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอไชยา
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอชัยบุรี
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอดอนสัก
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอท่าฉาง
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอท่าชนะ
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอบ้านตาขุน
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอบ้านนาเดิม
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอบ้านนาสาร
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอพนม
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอพระแสง
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอพุนพิน
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอวิภาวดี
    รถกระบะรับจ้างเขตอำเภอเวียงสระ 

หากท่านไม่มีพนักงานยกสินค้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเราจะมีพนักงานยกสินค้าติดไปกับรถ หากว่าท่านต้องการที่จะใช้บริการเด็กยกสินค้าก็สามารถเรียกใช้บริการได้ทันที และพนักงานยกของของเราทุกคนมีความชำนาญในงานบริการยกของ ลงของ รถรับจ้างขนของ เป็นอย่างมากเพราะผ่าน

ประสบการณ์มายาวนานเช่นเดียวกันกับผู้ให้บริการรถ ดังนั้นไม่ว่าจะยกสินค้าไปใกล้หรือไกลขนาดไหนเราก็ไม่เคยกังวลเรื่องสินค้าเสียหายเลย เราต้องขอขอบคุณ ผู้อุปการะคุณทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการ รถกระบะรับจ้างขนของสุราษฎร์ธานี ของเราตลอดเลยเวลากว่า 15 ปีเราดีใจและมีความสุขใจทุกครั้งที่ท่านให้โอกาสกับเราได้เข้ามารับใช้ท่าน เราหวังว่าในโอกาสแบบนี้ต่อๆไปและเราสัญญาว่าจะให้บริการ รถรับจ้างขนของ ที่ดีที่สุดและราคาถูกที่สุดตลอดไป ขอบคุณค่ะ


7
เปรียบเทียบการ ขนย้ายบ้าน โดยใช้บริการถรับจ้างขนย้ายบ้าน และการขนย้ายเอง

ความสะดวกสบายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเปรียบเทียบระหว่างการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายและการขนย้ายเองในการย้ายบ้าน

การใช้บริการรถรับจ้างขนย้าย

    ความสะดวกในการรับบริการ : การเรียกใช้บริการรถรับจ้างขนย้าย มีความสะดวกสบายที่มาก เนื่องจากคุณสามารถติดต่อบริการรถรับจ้างขนย้ายและนัดหมายเวลาการขนย้ายของคุณตามความสะดวกของคุณ และสามารถเลือกวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
    ความสะดวกในการรับความช่วยเหลือ : การมีคนช่วยย้ายของที่มาพร้อมกับบริการรถรับจ้างขนย้ายทำให้คุณไม่ต้องฝ่าฝืนมากเพื่อย้ายของหนัก นี่สามารถทำให้คุณประหยัดความพยายามและเวลาในกระบวนการขนย้าย

การขนย้ายเอง

    ความสะดวกในการควบคุม : การทำการขนย้ายเองช่วยให้คุณควบคุมกระบวนการทั้งหมดได้ตามต้องการของคุณ คุณสามารถเลือกวิธีการแพ็คของ การจัดระเบียบ และเวลาการขนย้ายได้ตามที่คุณต้องการ
    ความสะดวกในการปรับแต่ง : การขนย้ายเองมีความสะดวกสบายในการปรับแต่งกระบวนการตามความต้องการของคุณ คุณสามารถเลือกเวลาที่เหมาะสมสำหรับคุณและการจัดระเบียบสิ่งของตามแบบที่คุณต้องการ

การใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายสุพรรณบุรี มีความสะดวกสบายในเรื่องของการรับบริการและความช่วยเหลือที่มาพร้อม ในขณะที่การขนย้ายเองมีความสะดวกสบายในเรื่องของควบคุมและการปรับแต่งกระบวนการการขนย้ายตามต้องการของคุณรถรับจ้างขนย้ายร้าน

    ความคุ้มค่าเมื่อใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายเทียบกับการขนย้ายเองมีความสำคัญในการตัดสินใจว่าวิธีการไหนเหมาะสมกับความต้องการของคุณ

การใช้บริการรถรับจ้างขนย้าย

    ค่าบริการ : การจ้างบริการรถรับจ้างขนย้าย มักมีราคาที่ต้องจ่ายตามการใช้บริการ ราคานี้รวมถึงค่าแรงงาน ค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และค่าใช้บริการทั้งหมด
    ความสะดวกในการจัดการงบประมาณ : การใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายช่วยให้คุณสามารถทราบค่าใช้จ่ายล่วงหน้า และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือค่าใช้บริการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการ
    ประหยัดเวลา : การใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายสามารถช่วยคุณประหยัดเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมและจัดการของเองหรือการดูแลกระบวนการขนย้าย

การขนย้ายเอง

    ค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ได้ : การขนย้ายเองคุณจะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายตามความต้องการของคุณ รวมถึงค่าซื้อหรือเช่ารถและอุปกรณ์ที่จำเป็น ค่าเช่ารถบรรทุก ค่าน้ำมัน ค่าแรงงาน ค่าสินค้าที่เสียหาย และค่าที่พัก ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะต้องคำนวณและจ่ายในระหว่างกระบวนการขนย้าย
    ความคุ้มค่าตามงบประมาณ : การขนย้ายเองมักช่วยให้คุณควบคุมงบประมาณได้ดีกว่า และคุณสามารถปรับแต่งค่าใช้จ่ายตามความสามารถของคุณและต้องการของคุณ
    ความสะดวกในการปรับแต่ง : การขนย้ายเองมีความสะดวกสบายในการปรับแต่งการควบคุมงบประมาณตามความต้องการของคุณ คุณสามารถเลือกวิธีการแพ็คของ การจัดระเบียบ และเวลาการขนย้ายได้ตามที่คุณต้องการ

ความคุ้มค่าเมื่อใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายสุพรรณบุรี เทียบกับการขนย้ายเองเกี่ยวกับความคุ้มค่าในเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งหมดและความสะดวกสบายในการจัดการงบประมาณและกระบวนการการขนย้ายตามความต้องการของคุณรถรับจ้างขนย้ายต้นไม้

เวลาและแรงงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเปรียบเทียบการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายกับการขนย้ายเองในกระบวนการย้ายบ้าน


การใช้บริการรถรับจ้างขนย้าย

    เวลา : การใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายมักสามารถประหยัดเวลาให้คุณ โดยไม่ต้องสรุปเวลาในกระบวนการขนย้ายเอง บริการรถรับจ้างจะดำเนินงานเพื่อคุณ และคุณสามารถตั้งเวลาให้ตรงกับความสะดวกของคุณ
    การจัดการเรื่องอื่น ๆ : การใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายช่วยคุณให้สามารถจัดการเรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญในขณะที่มีคนช่วยย้ายของ คุณสามารถสร้างระบบหรือองค์กรสิ่งของของคุณในระหว่างการรอรถรับจ้างขนย้ายมาช่วย.


การขนย้ายเอง

    เวลา : การขนย้ายเองอาจใช้เวลามากขึ้น เนื่องจากคุณต้องดำเนินการทั้งกระบวนการขนย้ายเอง รวมถึงการแพ็คของ การขนย้าย และการจัดการทั้งหมด ความเร็วของกระบวนการนี้ขึ้นอยู่กับความคำนวณและการจัดการของคุณ
    การจัดการเรื่องอื่น ๆ : การขนย้ายเองจะต้องใช้ความสม่ำเสมอในการจัดการกระบวนการ และอาจทำให้คุณไม่สามารถทำงานหรือดูแลเรื่องอื่น ๆ ในช่วงเวลาการขนย้าย

เวลาและแรงงานเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเปรียบเทียบการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายกับการขนย้ายเอง การใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายสุพรรณบุรี อาจประหยัดเวลาและช่วยให้คุณจัดการเรื่องอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ในขณะที่การขนย้ายเองอาจใช้เวลามากขึ้นและมีความคุ้มค่าที่ต้องสละเพื่อควบคุมกระบวนการตามต้องการของคุณและสามารถจัดการรายการอื่น ๆ ในระหว่างกระบวนการการขนย้ายอย่างมีความคุ้มค่าสำหรับคุณหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของคุณ

   
ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเปรียบเทียบการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายกับการขนย้ายเองในกระบวนการย้ายบ้าน

การใช้บริการรถรับจ้างขนย้าย

    ความปลอดภัยของการขนย้าย : บริการรถรับจ้างขนย้ายมักมีความเชี่ยวชาญในการเคลื่อนย้ายของและการประกันความปลอดภัยของทรัพย์สินของคุณ คุณสามารถมั่นใจว่าทรัพย์สินของคุณจะถูกดูแลอย่างเหมาะสม
    การประกันความปลอดภัย : บริการรถรับจ้างขนย้ายมักมีการประกันความปลอดภัยในกรณีทรัพย์สินเสียหายหรือสูญหายในระหว่างการขนย้าย นี้ช่วยลดความเสี่ยงและให้คุณความสบายใจ

การขนย้ายเอง

    ความปลอดภัยของการขนย้าย : การขนย้ายเองขึ้นอยู่กับความระมัดระวังและความรู้ของคุณในกระบวนการ การพิจารณาวิธีการแพ็คของ การขนย้ายและการจัดการสิ่งของมีความสำคัญในความปลอดภัยของการขนย้าย
    วิธีการเก็บรักษาทรัพย์สิน : คุณต้องรู้วิธีการเก็บรักษาและป้องกันทรัพย์สินของคุณในระหว่างการขนย้าย เช่น การแพ็คของให้เรียบร้อย การป้องกันความเสี่ยงในการบาดเจ็บ และวิธีการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินของคุณ

รถหกล้อรับจ้าง ใกล้ฉันความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในกระบวนการย้ายบ้าน การใช้บริการรถรับจ้างขนย้าย มักมีความปลอดภัยของการขนย้ายและการประกันความปลอดภัยในทรัพย์สินของคุณ ในขณะที่การขนย้ายเองต้องขึ้นอยู่กับความระมัดระวังและความรู้ของคุณในการเก็บรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินของคุณและวิธีการป้องกันความเสี่ยง

8
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ส่งผลกระทบต่อการรับประทานอาหารอย่างไรบ้าง

การจัดฟันแบบใส ถือเป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ของวงการทันตกรรม เป็นการรักษาที่มีการวางแผนการรักษาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้มีผลการรักษาที่มีความแม่นยำ และผู้เข้ารับการรักาสามารถเห็นการทำงานของเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างชัดเจน ด้วยความทันสมัยในการรักษา ทำให้การจัดฟันแบบใสเป็นที่ให้ความสนใจต่อคนทั่วโลก และเป้นการจัดฟันที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะเครื่องมือการจัดฟันที่สามารถถอดออกได้ตามความต้อการของเรา หรือตอนรับประทานอาหารและขณะทำความสะอาดช่องปากและฟัน จึงทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

เพราะผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันไม่ว่าจะจัดฟันในรูปแบบใด ส่วนใหญ่มักจะพบเจอปัญหาขณะรับประทานอาหาร นั่นก็คือ สามารถรับประทานอาหารได้ไม่สะดวก ไม่หลากหลาย เวลาที่จะต้องรับประทานก็จะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อน นุ่ม หรือเลือกรับประทานอาหารที่เราสามารถรับประทานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องมือการจัดฟัน ซึ่งหลายคนมีปัญหานี้และมักจะเป็นอุปสรรคที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพูดจา การยิ้มแย้ม การรับประทานอาหาร รวมไปถึงเรื่องของบุคลิกภาพ ที่อาจจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันแบบใส ที่หลายคนอาจจะสงสัยถึงผลกระทบต่อการรับประทานอาหารของผู้เข้ารับการจัดฟัน

ต้องอธิบายก่อนว่า การเข้ารับการจัดฟัน แน่นอนว่าหลายคนเกิดความกังวลว่าจะไม่สามารถรับประทานอาหารที่ตัวเองชอบได้อย่างเต็มที่ และถ้าหากจะต้องรับประทานอาหารในขณะะที่มีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก แน่นอนว่าไม่มีใครรู้สึกดี โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมชอบรับประทานอาหารหลากหลาย หรือที่เราเรียกว่า สายกิน สายเที่ยว ก็อยากมีไลพ์สไตล์ที่อิสระ ซึ่งต้องบอกว่า การจัดฟันแบบใสนั้น เป็นวิธีการรักษาที่ตอบโจทย์กลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะการจัดฟันแบบใส ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย โดยไม่มีอุปสรรคหรือที่เราเรียกว่า เครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก เพราะเครื่องมือการจัดฟันของเราสามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหาร

แต่ถ้าหากผู้เข้ารับการจัดฟัน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่ดีต่อสุขภาพช่องปากและฟัน ก็ถือว่าเป้นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาช่องปากและฟันได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าผู้เข้ารับการจัดฟัน จะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย แต่เราก็ต้องถอดเครื่องมือการจัดฟันออกให้เรียบร้อย เพื่อที่จะไม่ให้เครื่องมือการจัดฟันเกิดความเสียหาย แต่ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการจัดฟันก็ต้องสวมใส่เครื่องมือในการจัดฟันแบบใส ตามที่ทันตแพทย์แนะนำด้วย นั่นก็คือ ควรสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใสอย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องมือการจัดฟัน ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามแผนการรักษาที่ทันตแพทย์วางไว้ เพ่อที่จะได้มีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบใส ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลกระทบมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่เราก็ควรที่จะคำนึงถึงความสะอดาให้มากเป็นพิเศษ ควรที่จะแปรงฟันและทำความสะอาดเครื่องมือการจัดฟันให้มีความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้พร้อมใช้งานตลอดเวลา โดยไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพของเราด้วย ทั้งนี้ หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส

รวมไปถึงการรักษาทางทันตกรรมรูปแบบอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม การจัดฟันในเด็ก ซึ่งทางเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน แต่สำหรับการจัดฟันแบบใส ทางคลินิกของเราได้รับการรับรองจาก Invisalign ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้อย่างมีมาตรฐานสากล ทำให้มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยแก่ผู้เข้ารับการรักษา ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามั่นใจได้ว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่เรียงตัวกันสวยงามได้อย่างแน่นอน

9
รูปร่างของผ้ากันไฟเหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานขนาดเล็ก

รูปร่างของผ้ากันไฟที่เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานขนาดเล็กนั้น ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

ขนาด:
ในโรงงานขนาดเล็ก พื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้อาจมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้น ผ้ากันไฟที่มีขนาดพอเหมาะกับการคลุมดับไฟ หรือป้องกันสะเก็ดไฟในบริเวณที่จำกัดจึงเหมาะสมกว่า
ขนาดที่นิยมใช้ในโรงงานขนาดเล็ก เช่น ผ้าห่มดับไฟขนาด 1x1 เมตร หรือ 2x2 เมตร หรือผ้ากันสะเก็ดไฟขนาด 1x2 เมตร หรือ 2x3 เมตร

รูปร่าง:
รูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นรูปร่างที่ใช้งานได้หลากหลาย และสะดวกต่อการพับเก็บ
รูปร่างอื่นๆ อาจเหมาะสมกับงานเฉพาะ เช่น ผ้ากันไฟแบบม่าน สำหรับกั้นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง

ความสะดวกในการใช้งาน:
ผ้ากันไฟควรมีน้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่น เพื่อให้ง่ายต่อการคลุมดับไฟ หรือกั้นบริเวณที่ต้องการ
ผ้ากันไฟที่มีห่วง หรือสายรัด จะช่วยให้ติดตั้ง และใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:

ประเภทของไฟ:
เลือกผ้ากันไฟที่เหมาะสมกับประเภทของไฟที่อาจเกิดขึ้นในโรงงาน เช่น ไฟที่เกิดจากของแข็ง ของเหลว หรือไฟฟ้า

วัสดุ:
เลือกผ้ากันไฟที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง ทนความร้อน และไม่ติดไฟง่าย เช่น ผ้าใยแก้ว หรือผ้าซิลิก้า

มาตรฐาน:
เลือกผ้ากันไฟที่มีมาตรฐานรับรอง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย

โดยสรุปแล้ว ผ้ากันไฟที่มีขนาดพอเหมาะ รูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส น้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่น จะเหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานขนาดเล็กมากที่สุด

10
บริการทำความสะอาด: เคล็ดลับ!! ทำความสะอาดบ้านเสร็จไว ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

พอพูดถึงเรื่องทำความสะอาดบ้านแล้ว ก็รู้สึกเพลียขึ้นมาทันที หรือบางคนก็อาจจะยุ่งอยู่กับการทำงานจนไม่มีเวลาเก็บกวาดบ้านเลย ครั้นจะหาเวลามาทำความสะอาดบ้านทั้งหลังก็แทบจะไม่มี เพราะต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควรเลย ...จากนี้ไปไม่ต้องเสียเวลาไปกับการทำความสะอาดบ้านครั้งละนาน ๆ แล้ว เพราะเรามีเคล็ดลับ!! ทำความสะอาดบ้านเสร็จไว ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง มาฝาก

 
วางแผนการทำความสะอาดบ้าน

หากคุณวางแผนก่อนเริ่มทำความสะอาด จะทำให้คุณประหยัดเวลาและลดขั้นตอนการทำความสะอาดขึ้นได้ งานจะดูน้อยลงและรู้ว่าต้องทำอะไรก่อน-หลัง ไม่เสียเวลาระหว่างการทำความสะอาด โดยเริ่มจาก

          1. กำหนดเวลา คุณมีเวลาในการทำความสะอาดบ้านครั้งนี้เท่าไหร่ เช่น 45 นาที

          2. เรียงลำดับห้องไหนทำความสะอาดก่อน-หลัง ไอเดียในการเรียงลำดับ เช่น ทำความสะอาดจากห้องที่ใช้งานบ่อยที่สุด, ห้องที่ต้องใช้ด่วนที่สุด, จากห้องชั้นบนลงมาชั้นล่าง, จากห้องทางซ้ายไล่ไปห้องทางขวา หรือจากห้องที่สกปรกที่สุด เป็นต้น

          3. กำหนดว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการทำความสะอาดแต่ละห้อง อาจใช้เวลามาก-น้อยต่างกันในแต่ละห้อง โดยดูจากความสกปรก ความเรียบร้อย รวมไปถึงขนาดของห้อง เช่น คุณมีเวลาทั้งหมด 45 นาที แบ่งเป็น ห้องนอน 8 นาที, ห้องน้ำ 14 นาที, ห้องนั่งเล่น 9 นาที และห้องครัว 14 นาที

          4. วางแผนว่าแต่ละห้องที่ทำความสะอาด ต้องทำอะไรบ้าง อาจทำเช็คลิสต์รายการทำความสะอาดไว้ เพื่อความเป็นระบบ กระชับเวลาได้มากขึ้น เช่น เก็บหรือจัดระเบียบของที่รก, เช็ดหน้าต่าง, กวาดพื้น, ดูดฝุ่น, ถูบ้าน, ล้างอ่าง, ล้างโถสุขภัณฑ์ เป็นต้น

 
เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านให้พร้อม

แนะนำให้รวบรวมอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องใช้เอาไว้ที่เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาหาระหว่างการทำความสะอาด ทำลิสต์ออกมาเลยว่า ห้องไหนต้องใช้อะไรบ้าง ถึงคิวทำความสะอาดห้องไหน จะได้หอบอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องใช้ใส่ตะกร้าไปทีเดียวเลย ตัวอย่างอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องใช้มีตามนี้เลย

          - ไม้กวาด

          - ไม้ขนไก่

          - ผ้า

          - เครื่องดูดฝุ่น

          - ไม้ถูพื้นและถังน้ำ

          - น้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ หรือสเปรย์ทำความสะอาดต่าง ๆ

          - แปรงขัด

          - ถุงขยะ

          - ตะกร้า เอาไว้เก็บของที่วางเกะกะ รอการจัดเก็บเข้าที่

          - นาฬิกาจับเวลา หรือสมาร์ทโฟนก็ได้ เอาไว้จับเวลาทำความสะอาดให้เสร็จเรียบร้อยภายในเวลาที่วางแผนไว้

 
เก็บห้องรกหรือจัดระเบียบสิ่งของที่อยู่ไม่เป็นที่

ก่อนที่จะทำความสะอาดในแต่ละห้อง ควรเริ่มต้นด้วยการเก็บของที่รก หรือของที่วางไม่เป็นที่ให้เรียบร้อยก่อน เพราะจะทำให้ห้องเป็นระเบียบและง่ายกับการทำความสะอาดมากยิ่งขึ้น โดยการเอาตะกร้าหรือกล่องใส่ของติดตัวไปด้วย เพื่อเอาสิ่งของที่วางไม่เป็นที่ หรือของที่ต้องการทิ้งแยกใส่ลงไปในแต่ละตะกร้า เพื่อรอการจัดระเบียบต่อไป ที่สำคัญ คุณต้องใช้ความรวดเร็วในการแยกของ อย่าลังเลใจนาน เพราะจะทำให้เกินเวลาที่วางแผนไว้ได้ ถ้าชิ้นไหนไม่แน่ใจจริง ๆ ให้แยกใส่ตะกร้าก่อนแล้วค่อยมาตัดสินใจภายหลัง จริง ๆ แล้วแนะนำให้พยายามเก็บของให้เข้าที่ทุกครั้งที่ใช้งาน เมื่อของที่รกเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จะได้ไม่เหนื่อย และไม่เสียเวลามาเก็บ

 
ทำความสะอาดห้องนอน 8 นาที

สิ่งที่คุณต้องทำจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. เก็บของรกและ 2. ทำความสะอาดห้อง ในครั้งนี้ อาจแบ่งเวลาครึ่งนึงไปกับการเก็บของรก 4 นาที และอีกครึ่งไปกับการทำความสะอาด 4 นาทีก็ได้ แล้วครั้งหน้าให้พยายามเก็บของเข้าที่ ไม่ทำให้ห้องรก แล้วมาเก็บทีเดียวอีกค่ะ เพราะจะทำให้เสียเวลามากกว่า ...เมื่อเก็บของที่รกเรียบร้อยแล้ว จะเหลือการทำความสะอาดห้องอีกแค่ 2-3 อย่าง ตามนี้

          - รวบผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนใส่ตะกร้าเพื่อนำไปซัก แนะนำให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอน และนำเซตเก่าไปซักทุกสัปดาห์ และควรเก็บที่นอนให้เรียบร้อยทุกวัน หลังตื่นนอน

          - หาผ้ายาง หรือผ้าอะไรก็ได้มาคลุมเตียงก่อนทำความสะอาด เพราะเวลากวาดห้อง ฝุ่นอาจฟุ้งกระจายมาบนเตียงนอนได้

          - จากนั้นควรไล่ทำความสะอาดจากส่วนบนของห้องหรือเฟอร์นิเจอร์ ฝุ่นจะได้ตกลงมาข้างล่าง แล้วค่อยกวาดถูพื้นทีเดียว จะทำให้ประหยัดเวลาขึ้น

 
ทำความสะอาดห้องน้ำ 14 นาที

ห้องน้ำเป็นห้องที่ถือว่าสกปรกมากที่สุดห้องนึงเลย ทั้งคราบสบู่ แชมพู คราบเหงื่อไคล เป็นต้น จึงต้องให้เวลากับห้องนี้มากหน่อย แนะนำให้ทำความสะอาดห้องน้ำทุกสัปดาห์ค่ะ ถ้าทิ้งไว้นานจะทำให้ใช้เวลาทำความสะอาดมากขึ้น เนื่องจากคราบสกปรกที่เพิ่มขึ้น และติดฝังคราบมากขึ้น โดยขั้นตอนการทำความสะห้องน้ำจะเป็นประมาณนี้

          - จัดระเบียบของที่อยู่ไม่เป็นที่เป็นทางก่อน และเคลียร์สิ่งของที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ซึ่งควรเคลียร์ทุก ๆ เดือน ของจะได้ไม่รก

          - ฉีดน้ำล้างในทุก ๆ ส่วนของห้องน้ำ

          - เมื่อฉีดน้ำแล้ว จะมีเส้นผมหรือสิ่งสกปรกมากองรวมกันทั้งตะแกรงท่อที่อ่างล้างหน้า และตะแกรงท่อน้ำที่พื้นให้เก็บทิ้งไปก่อน

          - จากนั้นให้เช็ดฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ในห้องน้ำ ด้วยสเปรย์อเนกประสงค์และผ้า เช่น ตามกระจก เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า

          - ล้างทำความสะอาดทั้งพื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ที่มีคราบฝังลึก คุณอาจเทน้ำยาทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วกลับมาทำความสะอาดอีกทีด้วยแปรงขัด หรือฟองน้ำก็ได้

          - อย่าลืมเก็บถุงขยะในห้องน้ำไปทิ้ง และล้างถังขยะให้เรียบร้อย จะได้ไม่เป็นการสะสมเชื้อโรค

 
ทำความสะอาดห้องนั่งเล่น 9 นาที

คล้ายกับการทำความสะอาดห้องนอนเลย จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. จัดระเบียบของที่รกและ 2. ทำความสะอาดห้อง โดยหลังจากที่จัดของรกแล้ว ก็จะเหลือขั้นตอนทำความสะอาด ดังนี้

          - ปัดฝุ่นจากข้างบนเพดาน ไล่ลงมาข้างล่าง เช่น เช็ดหลอดไฟเพดาน ทำความสะอาดผ้าม่าน ปัดฝุ่นเฟอร์นิเจอร์ ดูดฝุ่นโซฟา

          - เมื่อทำความสะอาดจากด้านบนแล้ว ฝุ่นผง สิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็จะตกลงมาที่พื้น ก็ถึงเวลาที่เราจะต้อง กวาด ดูด และถูพื้นให้สะอาดทุกซอกทุกมุมเลย

          - ขั้นตอนสุดท้าย จัดเก็บสิ่งของและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เข้าที่ให้เรียบร้อย เช่น หมอนอิงที่โซฟา แจกันที่โต๊ะหรือตู้ กรอบรูปที่กำแพง หรือพรมเช็ดเท้า เป็นต้น

 
ทำความสะอาดห้องครัว 14 นาที

ห้องครัวก็เป็นอีกห้องที่สกปรกไม่แพ้ห้องน้ำเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำมัน มีเศษอาหาร มีขยะเปียก เราจึงให้เวลากับห้องนี้เยอะหน่อย หลัก ๆ แล้วห้องครัวมีขั้นตอนการทำความสะอาดตามนี้

          - ในกรณีที่บ้านไหนมีจานชามหรืออุปกรณ์เครื่องครัวกองอยู่ในอ่างล้างจาน ให้เคลียร์ของพวกนี้ก่อน ทางที่ดีให้ล้างทุกครั้งหลังใช้งาน

          - จากนั้นให้ทำความสะอาดพวกเตาไมโครเวฟ เตาอบ และเตาแก๊ส เพราะสิ่งนี้อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ครัวของคุณมีกลิ่น เนื่องจากมีเศษอาหารจากการใช้งานติดค้างอยู่ในเตา วิธีทำความสะอาดเตาไมโครเวฟ ให้ผสมน้ำมะนาวกับน้ำเปล่าในภาชนะ และใส่เข้าไปอบในเตาไมโครเวฟ 2-3 นาที จะทำให้คราบสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น

          - ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว

          - เคลียร์ของที่หมดอายุ ของเน่าเสีย ของที่ไม่จำเป็นแล้ว ในตู้เย็นทิ้งไป ซึ่งควรเคลียร์ทุกเดือน

          - ทำความสะอาดคราบสกปรกที่กำแพงและพื้นห้องครัว

          - เก็บถุงขยะไปทิ้ง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของกลิ่นไม่พึงประสงค์และเชื้อโรค

11
พูดคุยเรื่องทั่วไป / หมอประจำบ้าน: บรูเซลโลซิส (Brucellosis)
« เมื่อ: วันที่ 7 สิงหาคม 2025, 17:06:59 น. »
หมอประจำบ้าน: บรูเซลโลซิส (Brucellosis)

บรูเซลโลซิส (brucellosis/undulant fever/Mediterranean fever)* เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่เกิดในสัตว์เลี้ยง (เช่น โค กระบือ แพะ แกะ อูฐ หมู) สุนัข สัตว์แทะ สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (วาฬ โลมา) สัตว์ป่า (กระบือป่า กระต่ายป่า สุนัขจิ้งจอก สุนัขป่า) ซึ่งสามารถติดต่อมาสู่คนได้

โรคนี้พบได้ประปราย ซึ่งมักพบในกลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง (เช่น คนงานในโรงเลี้ยงสัตว์หรือโรงฆ่าสัตว์ สัตวแพทย์ สัตวบาล) หรือบริโภคเนื้อสัตว์และนมที่ติดเชื้อ

ในบ้านเรามีผู้รายงานผู้ป่วยโรคนี้จากการดื่มนมแพะ และการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะฟาร์มเลี้ยงแพะ) ในจังหวัดราชบุรี (ปี พ.ศ.2546) สตูล (ปี พ.ศ.2546-2547) และกาญจนบุรี (ปี พ.ศ.2548 และ 2549)

* โรคนี้มีความร้ายแรง มีการนำเชื้อบลูเซลลาไปผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ เช่นเดียวกับแอนแทรกซ์

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า บรูเซลลา (Brucella) ซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ย่อย คนเราสามารถติดโรคจากสัตว์ได้หลายทาง ได้แก่

    สัมผัสสิ่งปนเปื้อน น้ำนม เลือด รก น้ำเมือกในอวัยวะเพศของสัตว์เพศเมีย น้ำเมือกตามตัวลูกสัตว์ที่คลอดออกมาใหม่ ๆ มูลหรือปัสสาวะสัตว์ เชื้อโรคจะเข้าทางบาดแผลหรือรอยถลอก
    กินเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ หรือนมสัตว์ (รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ไอศกรีม เนยแข็ง) ที่ติดเชื้อ โดยไม่ได้ปรุงให้สุก หรือผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อ
    หายใจสูดเอาฝุ่นหรือละอองของสิ่งคัดหลั่ง น้ำนมที่ปนเปื้อนเชื้อโรคในขณะรีดนมในคอกสัตว์
    ถูกเข็มฉีดวัคซีนป้องกันโรคแก่สัตว์ทิ่มแทง

ระยะฟักตัว ระบุได้ไม่ค่อยแน่นอน อาจเป็นตั้งแต่ 1 สัปดาห์ จนถึงนานกว่า 2 เดือน (ทั่วไปประมาณ 1-2 เดือน)

อาการ

มักมีอาการค่อยเป็นค่อยไปแบบเรื้อรังมากกว่าเฉียบพลัน อาการที่พบบ่อย คือ มีไข้สูง ๆ ต่ำ ๆ แบบเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ ไม่แน่นอน (อาจมีไข้ 1-3 สัปดาห์ สลับกับไม่มีไข้ 1-3 วัน) ร่วมกับอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดข้อ ปวดหลัง ปวดเมื่อยตามร่างกายทั่วไป มึนซึม หนาวสั่น เหงื่อออกมาก ไอ เจ็บหน้าอก น้ำหนักลด

ระยะการเจ็บป่วยอาจนานหลายวันหลายเดือน ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนานเป็นปี หรือนานกว่า

ในรายที่ติดเชื้อทางอาหารการกิน อาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเดิน หรือท้องผูก ปวดหลัง ปวดข้อ

บางรายอาจติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการชัดเจนก็ได้

ภาวะแทรกซ้อน

เชื้อบรูเซลลาสามารถเข้ากระแสเลือด แพร่กระจายไปยังอวัยวะแทบทุกส่วน ก่อให้เกิดการอักเสบต่าง ๆ ขึ้น

ที่พบบ่อย คือ การอักเสบของกระดูกและข้อ อาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ข้ออักเสบ (ซึ่งมีลักษณะปวดและบวม ที่บริเวณข้อเข่า สะโพก ข้อเท้า ข้อมือ เพียง 1 ข้อ หรือพร้อมกันหลายข้อ) การอักเสบที่กระดูกบริเวณเชิงกราน (sacroileitis) และข้อสันหลังอักเสบ (spondylitis)

ภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น อัณฑะและท่อนำเชื้ออักเสบ (epididymo-orchitis) สมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปลายประสาทเสื่อม (peripheral neuropathy) ตับอักเสบ ฝีตับ ถุงน้ำดีอักเสบ ปอดอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion) เยื่อตาอักเสบ ม่านตาอักเสบ หลอดเลือดอักเสบ (vasculitis) ผื่นที่ผิวหนัง (erythema nodosum) เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง และเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญ ได้แก่ เยี่อบุหัวใจอักเสบ (endocarditis) ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย มักเกิดกับลิ้นหัวใจเอออร์ติก (aortic valve) และต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจอย่างเร่งด่วน

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ส่วนใหญ่จะพบมีไข้ ตับโต ม้ามโต บางรายอาจมีอาการกล้ามเนื้อแข็งตึง ต่อมน้ำเหลืองโต ข้ออักเสบ (ข้อบวมและปวด) อัณฑะอักเสบ

ถ้าป่วยนานกว่า 3-6 เดือน จะพบอาการซูบผอมจากการขาดอาหาร

ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจมีเพียงอาการไข้ต่ำ ๆ หรือมีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางจิตประสาท

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการทดสอบทางน้ำเหลือง (agglutination test, ELISA) การตรวจด้วยวิธี polymerase chain reaction (PCR) การเพาะเชื้อจากเลือด ไขกระดูก น้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural fluid) หรือน้ำในข้อ (synovial fluid) การตรวจเลือดมักพบเม็ดเลือดขาวต่ำ (โดยมีสัดส่วนของลิมโฟไซต์สูง) เกล็ดเลือดต่ำ เอนไซม์ตับ (AST, ALT) สูงเล็กน้อย บางรายอาจต้องตรวจชิ้นเนื้อตับ (liver biopsy) เอกซเรย์ปอดและกระดูกสันหลัง

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

การรักษา ที่สำคัญคือให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 2 ชนิดร่วมกัน เช่น ดอกซีไซคลีน ร่วมกับไรแฟมพิซิน นาน 6 สัปดาห์ ในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ให้โคไตรม็อกซาโซลร่วมกับไรแฟมพิซิน หรืออะมิโนโกลโคไซด์ (เช่น เจนตาไมซิน)

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาลให้ยาปฏิชีวนะร่วมกัน 3-4 ชนิด และให้นานกว่า 6 สัปดาห์

ในรายที่เป็นฝีตับ อาจต้องทำการระบายหนองออก

ในรายที่มีภาวะผิดปกติของลิ้นหัวใจอาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ

ผลการรักษา นับว่าได้ผลดี อาการไข้และอาการอื่น ๆ มักจะทุเลาหลังกินยาได้ 4-14 วัน แต่ถ้ากินยาไม่สม่ำเสมอ หรือหยุดยาก่อนกำหนดเวลา ก็อาจมีอาการกำเริบซ้ำได้อีกประมาณร้อยละ 30 โดยทั่วไปแพทย์จะติดตามผลการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี

ในรายที่มีเยื่อบุหัวใจอักเสบร่วมด้วยมักมีอัตราตายค่อนข้างสูง

ในรายที่ไม่ได้รับการรักษา มีอัตราตายโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 2

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้เรื้อรังหรือเป็น ๆ หาย ๆ นานเป็นสัปดาห์ ๆ ร่วมกับน้ำหนักลด ข้ออักเสบ อัณฑะอักเสบ หรือมีไข้ร่วมกับอาการหนาวสั่น หรือมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน (หลังกินเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์หรือนมสัตว์ที่ไม่ได้ทำให้สุกหรือทำให้ปลอดเชื้อ) ซึ่งพบในผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีคนหรือสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคบรูเซลโลซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาปฏิชีวนะให้ครบตามระยะที่แพทย์กำหนด (อาจนานถึง 6 สัปดาห์) ถึงแม้อาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 4-14 วัน หรือหลังจากทุเลาแล้วกลับมีไข้กำเริบใหม่
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง หรือชัก
    หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    ข้ออักเสบ หรืออัณฑะอักเสบ
    มีอาการปวดตา ตามัว ตาแดง
    มีไข้ร่วมกับปวดท้อง ตาเหลืองตัวเหลือง
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคบรูเซลโลซิสในสัตว์เลี้ยง (โค กระบือ แพะ แกะ หมู)

2. ถ้าสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงเป็นโรคนี้ เช่น สัตว์ในคอกมีไข้ ซึม เต้านมอักเสบ ข้อขาอักเสบ เยื่อหุ้มข้ออักเสบ อัณฑะอักเสบ ขาหลังเป็นอัมพาต สัตว์แท้งลูกบ่อย ๆ (โรคนี้มีชื่อเรียกว่า โรคแท้งติดต่อในสัตว์) เป็นหมัน ให้น้ำนมน้อยลง เป็นฝีตามที่ต่าง ๆ ลูกที่คลอดออกมาไม่แข็งแรง เป็นต้น ก็ควรปรึกษาสัตวแพทย์ ถ้าเป็นโรคนี้ก็ควรกำจัดทิ้ง

กรณีสัตว์แท้งลูก ควรเก็บลูกสัตว์ที่แท้งและรกส่งตรวจหาสาเหตุของโรค

3. หมั่นตรวจสอบการติดเชื้อในฝูงสัตว์เลี้ยงด้วยการตรวจเลือดและน้ำนม ถ้าพบว่ามีการติดเชื้อ ควรทำการคัดแยกและทำลาย

4. ผู้ที่ทำงานในฟาร์ม (โดยเฉพาะฟาร์มแพะ) ควรป้องกันไม่ให้สัมผัสถูกเชื้อโรคโดยตรง เช่น

    ขณะทำงานควรสวมถุงมือยางชนิดหนาและทนทาน สวมหน้ากากปิดปากและจมูก ใส่ชุดกันเปื้อน
    ระวังอย่าให้เข็มฉีดยาหรือเจาะเลือดทิ่มตำ
    ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ภายหลังการสัมผัสถูกน้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ สารคัดหลั่งจากอวัยวะสืบพันธุ์  เลือด น้ำเหลือง มูลสัตว์ รกและลูกสัตว์ที่แท้ง

5. ถ้าถูกเข็มฉีดวัคซีนโรคนี้ทิ่มต่ำเข้าโดยบังเอิญ ควรรีบล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทันที และควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ยาป้องกัน แพทย์จะให้กินดอกซีไซคลีน 100 มก. วันละ 2 ครั้ง ร่วมกับไรแฟมพิซิน 600-900 มก. วันละ 1 ครั้ง นาน 21 วัน

ถ้าวัคซีนบังเอิญเข้าตาควรรีบล้างออก และควรกินยาป้องกันนาน 4-6 สัปดาห์

6. หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ปรุงให้สุก และนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีในการฆ่าเชื้อ (พาสเจอร์ไรซ์) การต้ม หรือการทำให้สุกด้วยความร้อนวิธีอื่น ๆ

7. เมื่อมีผู้ป่วยเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องแยกผู้ป่วย แต่ต้องระวังอย่าสัมผัสถูกหนองและน้ำเหลืองของผู้ป่วย หนองและเลือดของผู้ป่วยที่ติดตามเสื้อผ้าหรือบริเวณต่าง ๆ ต้องผ่านการทำลายเชื้อ

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ถึงแม้พบได้ไม่บ่อย แต่ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการไข้เรื้อรังร่วมกับน้ำหนักลด ข้ออักเสบ อัณฑะอักเสบ หรือการอักเสบของอวัยวะหลายส่วน ก็ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคบรูเซลโลซิส โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้

นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไม่ชัดเจน คือมีเพียงอาการไข้ต่ำ ๆ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี โดยไม่มีอาการอย่างอื่นชัดเจน อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคจิตประสาท (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือนอนไม่หลับร่วมด้วย)

ดังนั้น ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการดังกล่าว อย่าลืมถามประวัติการทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะโค กระบือ แพะ หมู) หรือการบริโภคนมวัวหรือนมแพะที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ปรุงให้สุก

2. โรคนี้ติดต่อจากสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อ การติดจากคนสู่คนเกิดขึ้นได้น้อยมาก จะติดได้ก็โดยการสัมผัสถูกหนองและน้ำเหลืองของผู้ป่วยเท่านั้น

12
ข้อมูลโรคไข้หวัดนก หรือไข้หวัดใหญ่สัตว์ปีก (Bird flu/Avian influenza)

ไข้หวัดนก (ไข้หวัดใหญ่สัตว์ปีกก็เรียก) จัดเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 (H5N1) อันเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่จากสัตว์ปีกมาสู่คน พบผู้ป่วยโรคนี้ครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2540 ต่อมาเริ่มพบผู้ป่วยในประเทศเวียดนาม และไทย (เมื่อปลายปี พ.ศ. 2546) ในกัมพูชา อินโดนีเซีย และจีน (เมื่อปี พ.ศ. 2548) อาเซอร์ไบจัน อียิปต์ อิรัก ตุรกี จีบูติ (พ.ศ. 2549) ลาว พม่า ไนจีเรีย ปากีสถาน (พ.ศ. 2550)

ไข้หวัดนกพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และมีความรุนแรง ซึ่งมีอัตราตายสูง

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดนก ซึ่งเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 เชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้มีอยู่ในนกน้ำที่มีการอพยพย้ายถิ่น นกชายทะเล และนกป่า นกเหล่านี้เป็นพาหะของโรค (ติดเชื้อโดยไม่มีอาการเจ็บป่วย) เป็นส่วนใหญ่ แต่จะปล่อยเชื้อออกมาทางน้ำลาย น้ำมูก และมูลนก แพร่ให้นกธรรมชาติ นกบ้าน ฝูงสัตว์ปีกตามฟาร์มและบ้านเรือน เช่น ไก่ ไก่ชน ไก่งวง ไก่ต๊อก เป็ด ห่าน เป็นต้น ทำให้เกิดโรคระบาดและการตายอย่างรวดเร็วของฝูงสัตว์ปีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไก่ที่เลี้ยงตามบ้านและฟาร์มที่เป็นโรงเรือนเปิด ส่วนเป็ดในท้องทุ่งเมื่อมีการติดเชื้อชนิดนี้ส่วนหนึ่งจะป่วยและตาย แต่ส่วนหนึ่งจะเป็นพาหะ (ไม่มีอาการเจ็บป่วย) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อให้สัตว์ปีกอื่น ๆ ต่อไป

นอกจากนี้ยังพบว่า เชื้อไข้หวัดนกยังสามารถติดต่อไปยังสัตว์ประเภทเสือ สุนัข แมว และหมู ทำให้สัตว์เหล่านี้ป่วยและตายได้ สำหรับแมวพบว่าสามารถติดต่อจากแมวสู่แมวด้วยกันเองได้อีกด้วย

การติดเชื้อจากสัตว์ปีกมาสู่คน สัตว์ปีกที่ป่วยจะมีเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย น้ำตา และมูลสัตว์ ซึ่งจะปนเปื้อนอยู่ตามตัวของสัตว์ปีกและสิ่งแวดล้อม คนเราสามารถติดเชื้อไข้หวัดนกได้ 2 ทาง ได้แก่

1. การสัมผัสกับสัตว์ปีก (โดยเฉพาะไก่) ที่ป่วยโดยตรง

2. การสัมผัสถูกสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อในบริเวณที่เกิดโรคระบาดของสัตว์ปีก เช่น ดิน กรงหรือเล้าสัตว์ น้ำหรืออาหารที่ป้อนสัตว์ เป็นต้น

เชื้อจะติดมากับมือของผู้ป่วย เมื่อเผลอใช้นิ้วมือแยงตา แยงจมูก เชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุตาและเยื่อบุจมูก

ระยะฟักตัว 2-8 วัน (เฉลี่ย 4 วัน)

กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ได้แก่ ผู้ที่คลุกคลีสัมผัสใกล้ชิดกับไก่ที่ป่วย หรืออยู่ในบริเวณที่มีการระบาดของไข้หวัดนกในฝูงสัตว์ปีก เช่น ผู้ที่เลี้ยงไก่ ทำงานในฟาร์มไก่ ขนย้ายไก่ ชำแหละไก่ เด็กที่เล่นคลุกคลีกับไก่ ผู้ที่ทำหน้าที่ทำลายสัตว์ปีก เป็นต้น

การติดเชื้อจากคนสู่คนแบบไข้หวัดใหญ่นั้นเกิดได้ยาก จะต้องมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น แม่ดูแลลูกที่ป่วย โดยการสัมผัสน้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย และการติดต่อจะสิ้นสุดที่ผู้ติดเชื้อคนที่ 2 (เช่น แม่ที่ติดเชื้อจากลูก) ไม่ติดต่อให้คนที่ 3 ต่อไป

แต่เกรงกันว่า เชื้อไข้หวัดนกอาจกลายพันธุ์โดยการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมระหว่างไวรัสไข้หวัดนกกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ของคน เมื่อคนหรือหมูติดเชื้อไวรัสทั้ง 2 ชนิดพร้อมกัน หากเกิดการกลายพันธุ์ก็สามารถติดจากคนสู่คนได้ง่าย และอาจมีการระบาดรุนแรงดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีต (ในปี พ.ศ. 2461-2462 มีการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่สเปน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกราว 20-40 ล้านคน เกิดจากการกลายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่โดยการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมในหมู)

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการแบบไข้หวัดใหญ่ คือเริ่มด้วยอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั่วตัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ บางรายอาจมีอาการตาแดง ปวดท้อง อาเจียน หรือท้องเดินร่วมด้วย

ต่อมาผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการหายใจหอบเนื่องจากปอดอักเสบ ซึ่งอาจเกิดตั้งแต่ 1-16 วัน (ค่ามัธยฐาน 5 วัน) หลังมีไข้ บางรายอาจมีอาการปอดอักเสบหลังจากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินนำมาก่อน โดยไม่มีอาการเจ็บคอ เป็นหวัด ไอก็ได้

นอกจากนี้ บางรายอาจมีอาการท้องเดินรุนแรงนำมาก่อน แล้วตามมาด้วยอาการชัก หมดสติ และตายเนื่องจากภาวะสมองอักเสบก็ได้

ในรายที่เป็นไม่รุนแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนก็จะหายได้เองภายใน 2-7 วัน อาการรุนแรงมักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

บางรายอาจติดเชื้อโดยไม่มีอาการแสดงก็ได้

ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญก็คือ ปอดอักเสบ (ซึ่งเกิดจากไวรัสเป็นส่วนใหญ่) และกลุ่มอาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (acute respiratory distress syndrome/ARDS) ซึ่งอาจเกิดตั้งแต่ 4-13 วัน (ค่ามัธยฐาน 6 วัน) หลังมีไข้ และเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ การเสียชีวิตเกิดตั้งแต่ 9-30 วัน (ค่ามัธยฐาน 12 วัน) หลังมีไข้

นอกจากนี้ ยังอาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น หัวใจวาย ไตวาย ตับอักเสบ เลือดออกในปอด (pulmonary hemorrhage) ปอดทะลุ ภาวะพร่องเม็ดเลือดทุกชนิด (pancytopenia) โรคเรย์ซินโดรม กลุ่มอาการโลหิตเป็นพิษ (sepsis syndrome) เป็นต้น

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบดังนี้

ไข้ ≥ 38 องศาเซลเซียส

อาจพบอาการน้ำมูกไหล (พบได้ประมาณร้อยละ 50-60 ของผู้ป่วย)

ในรายที่มีปอดอักเสบร่วมด้วย จะพบอาการหายใจหอบ ใช้เครื่องตรวจฟังปอดอาจได้ยินเสียงกรอบแกรบ (crepitation)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการนำสิ่งคัดหลั่งบริเวณคอหอย โพรงหลังจมูก หรือหลอดลมไปตรวจหาเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น immunofluorescent assay (IFA), reverse transcriptase-poly-merase chain reaction (RT-PCR), real time PCR การแยกเชื้อในเซลล์เพาะเลี้ยง เป็นต้น และทำการตรวจพิเศษ เช่น เอกซเรย์ปอด (พบร่องรอยการอักเสบของปอด) ตรวจเลือด (พบเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ต่ำ เอนไซม์ตับ ได้แก่ AST และ ALT สูง ครีอะตินีนสูง)

การรักษาโดยแพทย์

ถ้าพบผู้ป่วยเป็นไข้ (≥ 38 องศาเซลเซียส) ไข้หวัดหรือไข้ร่วมกับหายใจหอบ และมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายภายใน 7 วันก่อนป่วย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้หวัดนกภายใน 14 วันก่อนป่วย หรือพบผู้ป่วยที่สงสัยเป็นไข้หวัดนก ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยเร็ว

ถ้าตรวจพบหรือสงสัยเป็นไข้หวัดนก มักจะต้องรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล

การรักษา แพทย์จะให้ยาต้านไวรัส ได้แก่ โอเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) นาน 5 วัน ยานี้จะใช้ได้ผลดีควรให้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังมีอาการ

ในรายที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า นาน 7-10 วัน

นอกจากนี้ จะให้การรักษาตามอาการหรือภาวะที่พบร่วม เช่น ถ้าหายใจหอบก็ใช้เครื่องช่วยหายใจ และให้ออกซิเจน

ถ้าสงสัยมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ก็ให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่สงสัย

ในรายที่มีภาวะการหายใจล้มเหลว อาจพิจารณาให้สเตียรอยด์ (ซึ่งยังสรุปไม่ได้แน่ชัดถึงประโยชน์ของการใช้ยานี้)

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ในรายที่มีการติดเชื้อรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน มักจะมีอัตราตายสูง มักตายภายใน 6-30 วันหลังมีอาการ (เฉลี่ย 9-10 วัน)

ในรายที่มีอาการไม่รุนแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อน ก็มักจะรักษาให้หายขาดได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้หลังจากสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย หรืออยู่ในบริเวณที่มีการระบาดของไข้หวัดนกในฝูงสัตว์ปีก หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ หรือเพิ่งกลับจากการเดินทางไปยังประเทศหรือเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดนก ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย และไม่นำสัตว์ปีกพวกนี้มาชำแหละเป็นอาหาร

2. หากจำเป็นต้องสัมผัสสัตว์ปีกในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดนก ให้สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือ (ถ้าไม่มีให้สวมถุงพลาสติกหนา ๆ แทน)

3. ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีก น้ำลาย น้ำมูก และมูลของสัตว์ปีก

4. กินเนื้อสัตว์ปีก หรือไข่ที่ปรุงให้สุกแล้ว

5. เมื่อสมาชิกในบ้านเป็นไข้หรือไข้หวัด ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันไข้หวัด (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "การป้องกัน" ในโรคไข้หวัด)

หากสงสัยเป็นไข้หวัดนก ให้รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยเร็ว และผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาให้กินยาต้านไวรัส ได้แก่ โอเซลทามิเวียร์ป้องกัน ผู้ใหญ่กินขนาด 75 มก. (เด็กใช้ขนาดครึ่งหนึ่งของที่ใช้ในการรักษา) วันละครั้ง นาน 7-10 วัน

6. สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข

    ในกรณีที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ (ถ้าหากเป็นพร้อมกับไข้หวัดนก ก็อาจเสี่ยงต่อการทำให้มีการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรม จนกลายพันธุ์เป็นไข้หวัดนกที่แพร่จากคนสู่คนได้ง่าย)
    ทุกครั้งที่ให้การดูแลผู้ป่วยไข้หวัดนก ควรสวมหน้ากากอนามัย แว่นตาป้องกันการติดเชื้อ และเสื้อกาวน์ รวมทั้งหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่
    ถ้ามีการสัมผัสผู้ป่วยไข้หวัดนก โดยไม่ได้ทำตามมาตรการป้องกันดังกล่าว ควรกินยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ขนาด 75 มก. วันละครั้ง นาน 7-10 วัน
    เมื่อมีการสัมผัสผู้ป่วยไข้หวัดนก ควรเฝ้าระวังสังเกตอาการและวัดไข้ทุกวัน จนพ้นระยะฟักตัวของโรค หากมีอาการน่าสงสัย ควรรีบทำการตรวจวินิจฉัย และอาจจำเป็นต้องให้ยารักษาแต่เนิ่น ๆ

การป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสัตว์ปีก

1. ป้องกันไม่ให้นกอพยพและสัตว์พาหะอื่น ๆ เข้ามาในฟาร์ม

2. นำไก่อายุเดียวกันเข้าฟาร์มมาทีละชุด และควรแยกขังสัตว์ที่นำเข้ามาใหม่ไว้ก่อนจนพ้นระยะฟักตัวของโรค

3. ดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อเข้ามาในฟาร์มอย่างเข้มงวด เช่น ไม่นำวัสดุรองพื้น ถาดไข่ และวัสดุอุปกรณ์จากพื้นที่ระบาดมาใช้ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อตามยานพาหนะ วัสดุ อุปกรณ์

4. ฉีดวัคซีนป้องกันเฉพาะในสัตว์ปีกที่มีราคาแพง เช่น สัตว์ปีกสวยงาม ไก่ชน

5. เฝ้าระวังโรคในสัตว์ปีกอย่างใกล้ชิด ถ้าสงสัยสัตว์ปีกป่วยเป็นไข้หวัดนก (มีอาการไข้ หงอยซึม ไม่กินอาหาร ขนยุ่ง หน้า หงอน และเหนียงบวม และมีสีแดงคล้ำ มีจุดเลือดออกที่หน้าแข้ง ไอ จาม น้ำมูกไหล อาจมีอาการท้องเสีย ชัก และลดการไข่ หรือไข่มีลักษณะผิดปกติ ตายอย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง) ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อดำเนินการควบคุมโรค ดังนี้

    ในฟาร์มที่มีการระบาด ต้องทำลายสัตว์ปีกทั้งหมด รวมทั้งสัตว์ปีกในพื้นที่ควบคุมรัศมี 1-5 กม.
    เก็บตัวอย่างมูลสัตว์ (cloacal swab) ในพื้นที่ควบคุมส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    ซากไก่ เป็ด ไข่ รวมทั้งมูลสัตว์ในพื้นที่ระบาดต้องทำลายทิ้งทั้งหมดด้วยการฝังหรือเผา ห้ามนำมาบริโภค หรือนำไปทำปุ๋ย หรือเลี้ยงสัตว์

วิธีฝัง ให้ใส่ซากสัตว์ในถุงพลาสติก รัดปากถุงให้แน่น ฝังให้ห่างจากบ่อน้ำหรือแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างน้อย 30 เมตร ฝังซากให้ลึกอย่างน้อย 1 เมตร แล้วโรยปูนขาวหรือราดน้ำยาฆ่าเชื้อ หรืออาจใช้น้ำเดือดราดที่ซากก่อนกลบดินให้แน่น

    ทำความสะอาด และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วโรงเรือนและบริเวณโดยรอบอย่างสม่ำเสมอ
    ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก และเฝ้าระวังการติดเชื้อในพื้นที่ควบคุมรัศมี 50 กม.
    กรณีที่ต้องการเก็บซากสัตว์เพื่อทำลาย หรือส่งตรวจชันสูตร ควรสวมอุปกรณ์ป้องกัน (เช่น ถุงมือ หน้ากากอนามัย) เมื่อเสร็จงานแล้ว ควรนำอุปกรณ์และเสื้อผ้าไปทำความสะอาดด้วยน้ำที่ผสมผงซักฟอก ผึ่งแดดให้แห้ง เสร็จแล้วต้องรีบล้างมือ และอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำกับสบู่ทันที
    ในพื้นที่ที่เกิดโรคระบาด ห้ามนำสัตว์ปีกเข้ามาเลี้ยงใหม่จนกว่าจะตรวจสอบไม่พบการติดเชื้อเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน

ข้อแนะนำ

1. เนื่องจากโรคนี้มีอาการคล้ายไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ แต่มีอันตรายร้ายแรงกว่ากันมาก เนื่องจากเกิดจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งคนเรายังขาดภูมิคุ้มกันต่อเชื้อชนิดนี้ ดังนั้น ถ้าพบผู้ป่วยที่มีอาการไข้หรือเป็นไข้หวัด และมีประวัติว่ามีการสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย หรือผู้ป่วยไข้หวัดนก ภายใน 7 วันก่อนไม่สบาย หรืออยู่ในพื้นที่ที่เกิดการระบาดของไข้หวัดนกภายใน 14 วันก่อนไม่สบาย ก็ควรส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยเร็ว หากเป็นโรคนี้ควรได้ยาต้านไวรัสภายใน 48 ชั่วโมงหลังมีอาการ ซึ่งอาจช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้

2. ผู้ที่สัมผัสสัตว์ปีก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งไก่หรือเป็ด) ที่ป่วยหรือตาย หรือผู้ป่วยไข้หวัดนก ควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากเป็นไปได้ควรทำการวัดไข้ด้วยปรอททุกวัน วันละ 2 ครั้ง จนพ้นระยะฟักตัวของโรค

3. แม้ว่าในปัจจุบันการติดเชื้อจากคนที่เป็นไข้หวัดนกโดยตรงนั้นยังเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งต้องอยู่สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด แต่เพื่อความปลอดภัย แพทย์ บุคลากรสาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วย จะต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อจากผู้ป่วย (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "การป้องกัน" ด้านบน)

4. ถึงแม้ในปัจจุบันไม่มีรายงานการเกิดผู้ป่วยไข้หวัดนก แต่ควรติดตามเฝ้าระวัง หากมีผู้ป่วยเกิดขึ้นใหม่จะได้ระมัดระวังหาทางป้องกันไม่ให้เป็นโรคร้ายแรงชนิดนี้

13
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


หน้า: [1] 2 3 ... 38