9 เคล็ด(ไม่)ลับการเตรียมตัวก่อนให้อาหารสายยางสำหรับผู้ดูแลรายใหม่ ที่ตัดสินใจดูแลผูป่วยเองที่บ้าน อาจยังไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนการให้อาหารทางสายยางสำหรับผู้ป่วย
1.เตรียมของเครื่องใช้ในการให้อาหารทางสายยาง อาหารเหลวและยาที่เตรียมให้ผู้ป่วย
2. ล้างมือให้สะอาด หรือใช้ waterless 20 – 30 วินาทีและสวมถุงมือ
3. จัดท่าผู้ป่วย ในผู้ป่วยที่ไม่มีข้อห้ามในเรื่องการจัดท่าศีรษะสูง ดูแลจัดท่าผู้ป่วยนั่งพิงสบายหรือ ศีรษะสูง 30-45 องศา ในรายที่นั่งไม่ได้อาจจัดท่านอนตะแคงขวาแทน เพื่อลดโอกาสผู้ป่วยขย้อนอาหารออกมา จากการที่กระเพาะอาหารที่อยู่ด้านซ้ายของผู้ป่วยถูกกดทบจากการจัดท่านอนตะแคงทับร่างกายซีกซ้าย
4. จัดท่าผู้ป่วย ในรายที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวควรให้หนุนหมอน ตั้งแต่หลังจนถึงศีรษะโดยใช้หมอน 2 ใบใหญ่หรือจัดให้ผู้ป่วยนั่งพิงพนักเตียงหรือให้นั่งเก้าอี้
5. ในผู้ป่วยที่เจาะคอมีท่อหายใจ ให้ดูดเสมหะในหลอดลมคอก่อน ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ปอดอักเสบจากการสำลักอาหารและ ล้างมืออย่างถูกวิธีภายหลังดูดเสมหะให้ผู้ป่วย
6. เปิดจุกปลายสายให้อาหารและเช็ดรอบรูเปิด ด้วยแอลกอฮอล์ 70% หรือน้ำต้มสุก
7. ตรวจสอบตำแหน่งของปลายสายให้อาหาร โดยต่อหัวกระบอกให้อาหาร (Syringe feeding) เข้ากับรูเปิดของสายให้อาหารโดยสำรวจให้กระชับและแน่น แล้วค่อยๆดูดจะพบมีน้ำย่อยหรืออาหารที่กำลังย่อยหากไม่พบต้องตรวจสอบโดยการฟังเสียงของอากาศ 15-20 มิลลิลิตรที่ใส่ผ่านสายยางให้อาหารเข้าไปในกระเพาะอาหารอย่างรวดเร็ว
8. หากเป็นผู้ป่วยที่ได้รับอาหารทางสายยางในมื้อก่อนหน้ามาก่อน ให้ดูดทดสอบปริมาณของเหลวที่เหลือค้างในกระเพาะอาหาร ถ้าปริมาณของเหลวเหลือค้าง 200 มิลลิลิตร จึงให้อาหารมื้อถัดไปตามปกติได้ โดยมีการเฝ้าระวังและสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด
9. หากมีอาการปวดท้อง ท้องอืดมาก คลื่นไส้ อาเจียน ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล เพื่อสืบค้นสาเหตุของปัญหาดังกล่าว โดยของเหลวที่เหลือค้างในกระเพาะอาหารที่ดูดออกมาควรใส่กลับคืนทั้งหมด โดยปริมาณไม่ควรเกิน 200-300 มิลลิลิตร หากของเหลวเกิน 200-300 มิลลิลิตรต้องหยุดให้อาหารทางสายยางชั่วคราวและปรึกษาแพทย์